THE 5-SECOND TRICK FOR บทความ

The 5-Second Trick For บทความ

The 5-Second Trick For บทความ

Blog Article

จบได้อย่างน่าประทับใจ. เขียนบทสรุปที่สร้างสรรค์ ให้แรงบันดาลใจแก่ผู้อ่าน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเขียนบทความแสดงความคิดเห็นเรื่องการติดฉลากอาหาร เราอาจเชิญชวนให้ผู้อ่านศึกษาการติดฉลากอาหารเพิ่มเติม ถ้าเริ่มบทนำด้วยเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ หรือข้อมูลทางสถิติ ให้ลองพยายามเชื่อมโยงเข้ากับบทสรุป

ระดมสมองคิดหัวข้อ. เขียนรายการหัวข้อที่น่าจะเขียนได้ เราอาจอยากเขียนเกี่ยวกับการอพยพหรืออาหารออร์แกนิก หรือศูนย์พักพิงสัตว์ใกล้บ้านเรา เราต้องทำให้หัวข้อแคบลงเพื่อจะได้เขียนออกมาเชื่อมโยงกันและสั้นกระชับ อีกทั้งเขียนได้เจาะลึกยิ่งขึ้น ผลที่ได้คือทำให้บทความของเรามีความหนักแน่นมากขึ้น ถามตนเองด้วยคำถามดังต่อไปนี้ เราสนใจอะไรในหัวข้อนี้

เลิกเก็บกดความรู้สึกและรักษาความสัมพันธ์ว่า ‘ไม่เป็นไร’ แล้วลองมาทำความเข้าใจตัวเขา ตัวเรา และการรับมือความขัดแย้งในความสัมพันธ์เสียใหม่

มุมมองความรักยังเปลี่ยนไปได้จาก ประสบการณ์ที่ได้รับ ความรักในช่วงวัยก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด เหล่านี้แม้นี่จะดูเหมือนสิ่งที่อธิบายได้ แต่หากลงลึกในรายละเอียดเราก็ต้องยอมรับว่า ณ ช่วงเวลานั้น เราไม่เคยเข้าใจมันได้จริง หรือมั่นใจว่าเข้าใจมันแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้เราก็อาจจะเข้าใจในความรักผิด ๆ อยู่ก็ได้ เราอาจอยู่กับใครสักคนโดยแท้จริงเราไม่ได้รักเขา เป็นเพียงมายาคติบางอย่างที่เราคิดว่าเรารัก หรือ เราไม่ต้องการความรักตอนนี้ ต้องการเพื่อน ต้องการแค่บางสิ่งบางอย่างจากคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็ตอบแทนกันไม่ได้อีกว่า ตกลง “คือรักหรือเปล่า” อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ที่แม้เกิดจากตัวเราเองแต่ก็ยากจะเข้าใจมันได้จริง

“อย่าทำร้ายตัวเองเพียงเพราะเราไม่สมบูรณ์แบบ แต่ให้รักในสิ่งที่เราเป็น ให้โอกาสกับทุกเส้นทางและความผิดพลาดในชีวิต”

ให้ใครสักคนอ่านบทความของเรา. ลองให้เพื่อน คุณครู หรือคนที่เราไว้ใจอ่านบทความของเรา คนคนนี้เข้าใจประเด็นที่เราต้องการจะบอกไหม เขาตามเหตุผลของเราทันหรือเปล่า

แล้วหากวันหนึ่งอยากจะถามคนรู้ทางคนเดิม ทีนี้เขาก็ไม่อยู่แล้ว เพราะเขาไปไกลแล้ว ก็คงเป็นเวลาที่บ่นว่า เรามันไม่มี คนมีเขาไม่คบ ไม่มีโชค ไม่มีโอกาสบ้าง เหมือนเดิมอีกครั้ง…

หากเปรียบคนที่กำลังลำบากเป็นคนหลงป่า แล้ว “โอกาส” คือมีคนมาชี้ทางบอกว่า “ตรงไปทางนี้จะเจอทางออก” หรือไม่ก็ “ตามเขามาสิ” แล้วเราบางคนพอเดินไปไกลหน่อยก็เลิกเชื่อ, เจอความรก, เจอขวากหนาม, เหนื่อย ลำบากก็จะถอย หรือหันไปหาทางอื่น เปลี่ยนไปฟังคนอื่น พยายามที่จะหาทางที่สบายกว่าโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม คนที่เป็นเช่นนี้จะไม่เคยเข้าใจเลยว่าทางลาดยางมันไม่มี ดังนั้นเมื่อเบี่ยงเบนไปทางอื่นก็เลยยังไม่ได้ออกจากป่า หลงวนต่อไป หรือระหว่างทางเจอทางที่ “เหมือนจะเดินสบาย” ก็เลยเปลี่ยนไปทางนั้น บ่อยครั้งมันจึง “สบายชั่วคราว” แต่สุดท้ายมันไม่ได้พาไปยังปลายทางได้จริง นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมหลายคนลำบากลำบนซ้ำซาก ต่อให้ได้โอกาสใหม่ มีคนมาชี้ว่าไปทางนี้ ก็มีทั้งไม่เชื่อเพราะมองว่าคราวก่อนไปไม่รอด (ไม่โทษตัวเองว่าไม่พยายามต่อเอง) หรืออาจเชื่อ แต่ยังหวังจะง่ายอีก ไปสักหน่อยก็ย่อมเจออุปสรรคอีก ก็ถอยอีก วนเวียนไปเช่นนี้เรื่อย ๆ…

เหตุใดผู้เชี่ยวชาญมองว่าประกาศ “ยาไท่ฯ” ทุนจีนสีเทาจะถอนตัวจากเมืองชเวโก๊กโก่คือข่าวปลอม และมันไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ?

ต้องให้เวลาตนเองมากพอที่จะเขียนบทความออกมาให้ดี ถ้าเราไม่เริ่มเขียนบทความตั้งแต่เนิ่นๆ เราอาจต้องประสบกับความเร่งรีบในช่วงนาทีสุดท้ายและลงเอยด้วยการเขียนบทความออกมาได้ไม่ดี

ลึกไปกว่านั้น เวลาคนหลงทางไปเจอคนหลงทางด้วยกันก็พยายามช่วยกัน ก็น้อยนักที่รอด (ก็ในเมื่อไม่มีใครรู้วิธีหลุดจากสิ่งนี้) ที่สุดก็ต้องแยกจากกัน คนเหล่านี้ก็จะบ่นว่า บทความ “ทิ้งกันในยามลำบาก” บ้างก็ “วันนี้มองข้ามวันหน้าว่ามาขอแล้วกัน” หรือไม่ก็ “ถ้าผ่านไปได้จะไม่กลับไปมอง” มันก็น่าตลกที่ทำไมไปคาดหวังกับคนที่เขาก็ยังลำบากเหมือนกัน แแต่คนที่ชี้ทางให้ได้กลับกลายเป็นรั้นและต่อต้านประมาณว่า “เขาไม่เข้าใจสถานะของเรา”

การเป็นนักเขียนบทความที่ดีควรมีความเข้าใจในประเภทของการเขียนบทความอย่างครอบคลุม เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนได้มากยิ่งขึ้น และสามารถพัฒนางานเขียนของตัวเองให้มีเอกลักษณ์ หรือ สามารถรับงานเขียนบทความได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าคนอื่นๆ โดยสามารถแบ่งประเภทของบทความได้ดังนี้

หนึ่งวิธีที่จะมีเป้าหมายใช้ชีวิต เพื่อการพัฒนาตนเองกันต่อ ๆ ไป สำหรับคนมีเป้าหมาย หรือมีวิธีค้นหาเป้าหมายแล้ว บทความนี้คงไม่มีประโยชน์ใด แต่ถ้ายังไม่มีเป้าหมายเลย อาจได้อะไรดี ๆ จากเรื่องนี้ก็ได้

แม้ไม่ควรคาดหวัง แต่ห้ามใครไม่ให้หวังยาก

Report this page